เกาะกุลา จังหวัดชุมพร
ถ้าต้องการมาทั้งดำน้ำ และ ถ่ายรูปสวยๆ ท่องเที่ยวธรรมชาติบนเกาะ ต้องเลือกเกาะกุลา ซึ่งเป็นเกาะที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร เพราะเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจแบบครบครัน ไม่เพียงแค่การดำน้ำ แต่มีชายหาดที่สามารถเล่นน้ำได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ทำให้คุณได้มาพักกายพักใจอย่างเต็มอิ่ม
สะพานกลางทะเล
เกาะแห่งนี้มีหาด 2 หาดที่เปิดให้บริการ คือ หาดของอุทยาน และ หาดท่าเทียบเรือ ซึ่งหาดของอุทยานจะมีพื้นที่กว้าง มีบ้านพักของอุทยาน มีส่วนนั่งเล่นบนหาดหน้าที่พัก มีสิ่งอำนวยความสะดวก ส่วนหาดเทียบเรือ จะเป็นจุดที่มีไฮไลท์ของเกาะ อย่างสะพานกลางทะเล เป็นสะพานทุนลอยน้ำสำหรับเดินออกไปขึ้นเรือที่เทียบท่าอยู่กลางทะเล พาดออกจากฝั่งท่าเรือ ซึ่งน้ำของหาดฝั่งท่าเรือ จะใสมาก ใสจนมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ ไม่ว่าจะเป็นโขดหิน ปะการัง เป็นจุดที่นิยมมาถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว ตรงนี้จะเป็นบริเวณจุดดำน้ำ แต่ถ้าใครไม่ชอบดำน้ำ ก็สามารถเดินเล่นบนสะพาน มองเห็นความงดงามใต้ทะเลได้จากบนสะพานได้เลย
แหล่งอนุบาลเต่าทะเล
เกาะกุลาเป็นเกาะที่มีเต่าทะเลมาวางไข่อยู่เสมอ จึงมีบ่ออนุบาลเต่าทะเล ซึ่งนักท่องเที่ยวจะมีโอกาสชมไข่เต่าจริงๆและปล่อยเจ้าเต่าทะเลตัวน้อยลงทะเลด้วยตัวเอง ในบรรดาเกาะและหาดทั่วประเทศ มีไม่กี่ที่ ที่เต่าทะเลจะขึ้นมาวางไข่ ดังนั้นเมื่อมาเที่ยวเกาะกุลาแล้ว ต้องมาเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลให้ได้
มาเกาะกุลา ต้องมาพักผ่อนให้เต็มที่ไปเลย
เกาะกุลา เป็นเกาะที่เหมาะจะมาเพื่อพักร้อนอย่างดี เพราะบนเกาะมีความสงบเงียบ มีที่พักของกรมอุทยานให้บริการอย่างสะดวกสบาย มีทั้งเป็นบ้านหลังเล็กๆ ตั้งห่างกัน หรือ ลานกางเต้นท์ ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว นักท่องเที่ยวไม่เยอะจนวุ่นวาย มีอุปกรณ์ปิ้งย่างให้พร้อมสรรพ จึงสามารถซื้ออาหารทะเลจากฝั่งมาปิ้งย่างได้ และยังมีกิจกรรมดำน้ำ พายเรือคายัครอบเกาะ ที่สำคัญ เมื่อมาถึงเกาะกุลาทั้งที่ ต้องมาชมการเพาะเลี้ยง อนุบาลลูกเต่าทะเล
การเดินทางมาเกาะกุลา
สามารถเดินทางมาจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เช่าเรือโดยสารไปยังเกาะกุลา ซึ่งราคาค่าเช่าของเรือมีราคา 2,000-2,500 บาท บรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 10 คน สามารถติดต่อจองเรือล่วงหน้าที่ได้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร หรือ อีกทางหนึ่งคือการเช่าเรือจากอ่าวคราม ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเกาะกุลา ค่าเช่าเรือพร้อมบริการนำเที่ยวประมาณ 1,500-2,000 บาท
เกาะกุลาสามารถมาเที่ยวได้แบบพักค้างคืนหรือไปเช้า-เย็นกลับก็ได้ หากต้องการพักค้างคืนแบบสงบบนเกาะ สามารถจองบ้านพักของกรมอุทยานบนเกาะ แต่ถ้าอยากพักค้างคืนแบใกล้ชิดวิถีชีวิตชาวทะเล สามารถพักโฮมสเตย์บนอ่าวครามก็ได้เช่นกัน ซึ่งทั้งสองทางเลือก จะมีบริการอาหารทั้ง 3 มื้อให้ด้วย